โดยวันนี้ด.ญ.ชนาพร และด.ญ.ทศพร เดินทางมาโรงเรียนตามปกติ หลังจากที่หยุดเรียนไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยยังเดินมาโรงเรียนเหมือนเดิม ซึ่งทั้งสองคนยังคงร่าเริงแจ่มใส และเข้ากลุ่มกับเพื่อนนักเรียนได้ดี
นางบงกชกล่าวว่า ด.ญ.ชนาพร และด.ญ.ทศพร ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่ ประถมศึกษาปีที่ 3 และพบว่าเด็กจะขาดเรียนบ่อยมาก มาเรียนสัปดาห์ละ 3 วัน ขาดเรียน 2 วันเป็นประจำ บางสัปดาห์ก็หยุดมากกว่า 3 วัน จากสถิติการเรียนปีที่ผ่านมาพบว่าเวลาเรียน 100 วัน มาเรียนเพียง 28 วันเท่านั้น
“เมื่อเด็กขาดเรียนทางครูกิติมาที่เป็นครูประจำชั้น ก็จะไปตามให้มาเรียน ทราบว่าบ้านพักอยู่ไกล บางครั้งก็ไปส่ง ในทุกๆ วันที่เขาเดินทางมาเรียน บางครั้งผู้ปกครองผ่านมาพบ ก็จะรับขึ้นรถมาด้วย ทางโรงเรียนให้ความช่วยเหลือเรื่องอาหารกลางวัน ส่วนปัญหาในครอบครัวนั้นไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง”นางบงกช กล่าว
ด้านนายเกษม กล่าวว่า ทางอบต.ให้การช่วยเหลือเรื่องเบี้ยคนพิการที่จ่ายให้ทุกเดือน โดยให้มารับที่ อบต.ทุกวันที่ 3 ของเดือน ไม่เคยขาด และวันที่เขาไปรับก็จะพากันไปทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก จึงทำให้บางครั้งเด็กต้องขาดเรียน เคยสร้างบ้านเทิดไท้ให้โดย อบจ.ตราด ก็อยู่ไม่ถึงปี ตนก็หาบ้านหลังใหม่ให้ อยู่ได้ไม่กี่เดือน ก็พากันกลับไปอยู่บ้านเดิม ตนไม่ได้ทอดทิ้ง ให้การช่วยเหลือมาตลอด โดยนายประจักษ์ เอมอ่อม คนพ่อ มีอาการหูหนวก ก็ส่งรถไปรับไปรักษาถึงโรงพยาบาลตราดอยู่หลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายได้เข้ารับการรักษาผ่าตัดเนื้องอกที่หู
“เมื่อวานนี้ มีคนที่มีจิตศรัทธาที่จะช่วยเหลือครอบครัวนี้ โทรศัพท์มาหาผมมากถึง 200 สาย บางคนแจ้งความจำนงว่าจะช่วยเหลือ มีความประสงค์มอบรถจักรยาน มากกว่า 30 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน บางคนก็แจ้งมาว่าต้องการช่วยเหลือด้วยการส่งเสียให้เรียนจนจบ นอกจากนี้ยังมีคนจากประเทศฝรั่งเศส เยอรมันโทรมา เพราะได้รับข่าวสารจากทางโซเชียล ซึ่งตนก็ตอบปฏิเสธในเรื่องรถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ เพราะน้องสองคนขี่ไม่เป็น รถจักรยานยนต์พ่อแม่ก็ขี่ไม่เป็น แต่ขอให้บริจาคเป็นเงินเข้าบัญชีแทน” นายเกษม กล่าว
ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ทางคณะกรรมการหมู่บ้าน ประชุมและลงความเห็นกันว่าจะแก้ปัญหาให้เด็กได้เดินทางมาเรียนหนังสือให้ได้ก่อน โดยหาบ้านหลังใหม่ให้ โดยใช้ป้อมยามของอพปร.ของเทศบาล ตำบลหนองบอน ที่อยู่ห่างจากโรงเรียนไม่เกิน 200 เมตร ให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวไปก่อน จากนั้นจะหาทางขยับขยายให้มั่นคงกว่านี้
“ตอนนี้พวกเราทุกคนต้องการช่วยเหลือเด็กให้มีโอกาสเรียนหนังสือให้จบ โดยไม่ต้องระเหเร่ร่อนไปที่ไหนอีก ส่วนปัญหาของพ่อเด็กที่ผ่านมา ตนเองจะพยายามเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจและให้ปรับตัวเสียใหม่ เพื่อลูกสาวทั้ง 2 คน พร้อมกันนี้ก็จะสอบถามว่าต้องการจะทำอะไร เพื่อจะได้มีรายได้มากกว่าที่ได้ในปัจจุบัน เรื่องค่าน้ำค่าไฟทางหมู่บ้านจะช่วยกันดูแล” นายสมชาย กล่าว
สำหรับในวันนี้ ทางเทศบาลตำบลหนองบอน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบอน เดินทางเข้าไปที่บ้านของนางแต และนายประจักษ์ เพื่อเจรจาขอให้ย้ายบ้านออกมาจากในสวนที่ไกลจากโรงเรียน 8 กิโลเมตร เพื่อให้มาอยู่ที่บ้านพักที่ทางเทศบาลตำบลหนองบอนจัดหาให้ ซึ่งทั้งสองคนยินดีย้ายออกมา โดยเทศบาลนำรถยนต์กระบะไปทำการขนของมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนางแตได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ให้การช่วยเหลือ
ส่วนผู้ที่ต้องการให้การช่วยเหลือ ด.ญ.ชนาพร และด.ญ.ทศพร เอมอ่อน สามารถบริจาคเงินได้ที่ บัญชีธนาคารทหารไทย สาขา อ.บ่อไร่ 416-2-34720-9 นามโรงเรียนอัมพรจินตกานนท์ ที่เป็นการเปิดบัญชีร่วมกันระหว่างโรงเรียน นายกอบต.ช้างทูน และประธานสภาเทศบาลตำบลหนองบอน ที่จะร่วมกันดูแล ส่วนผู้ที่ต้องการมอบเป็นสิ่งขอช่วยเหลือ สามารถส่งไปได้ที่โรงเรียนอัมพรจินตกานนท์ หรือที่อยู่ บ้านเลขที่ 28/2 ม.5 ต.ช้างทูน อ.บ่อไร่ จ.ตราด
ด้านนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวในที่ประชุม ศปก.พม.ว่า กรณี ด.ญ.สองคนพี่น้อง เดินเท้าไป-กลับโรงเรียนระยะทาง 16 กิโลเมตร ทุกวัน ครอบครัวยากจนไม่มีเงินค่ารถไปโรงเรียน และพ่ออายุ 39 ปี ป่วยพิการทางสมอง ที่ จ.ตราด ตนกำชับให้ พมจ.ตราด ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านการศึกษาในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง



ที่มา khaosod.com
0 comments:
Post a Comment