Home » » ผู้บริโภคกระอัก! พณ.ทยอยไฟเขียวขึ้นราคาสินค้า

ผู้บริโภคกระอัก! พณ.ทยอยไฟเขียวขึ้นราคาสินค้า

Written By Unknown on Saturday, 20 February 2010 | 07:37


ผู้ผลิตแห่ขอตั้งราคาขายสินค้าใหม่กับ "พาณิชย์" หลังปรับสูตรเปลี่ยนไซส์ เลี่ยงขอขึ้นราคาทางตรง เตรียมเปิด 1569 หน่วยร้องเรียนเคลื่อนที่ แก้ปัญหาโกงราคาในตลาดสด โว! รถธงฟ้าเคลื่อนที่ได้ผล ลดค่าครองชีพคนกรุงกว่า 2.5 ล้าน

วันที่ 20 ก.พ. นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เผยว่า ขณะนี้ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคจำนวนมากได้แจ้งถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือปรับรูปแบบขนาด และเพิ่มสูตรใหม่ ให้กรมฯ พิจารณาการตั้งราคาขาย โดยสินค้าบางชนิด ขอปรับขึ้นราคาจากสินค้ารูปแบบเดิม ซึ่งได้อนุมัติให้บางรายการปรับราคาขึ้นบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะต้องดูความเหมาะสมของต้นทุนสินค้าด้วย

"การพิจารณาเรื่องราคาขาย ทางกรมฯ ยืนยันว่า ดูจากความเหมาะสมอย่างรอบคอบ ทั้งเชิงการค้าและผู้บริโภค แต่ในยุคการแข่งขันเสรี การควบคุมราคาไม่ให้ขยับมากนักคงเป็นไปไม่ได้ เพราะขนาดสินค้าชนิดเดียวกัน แต่ในห้างกับร้านค้าราคายังแตกต่างกันไป” อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวต่อถึงเรื่องค่าครองชีพของประชาชนว่า ทาง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการดูแลค่าครองชีพของประชาชน ว่า ได้มอบหมายให้ผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีในการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการบางราย

ทั้งนี้ ทางกรมฯ เตรียมเปิดหน่วยร้องเรียนเคลื่อนที่ 1569 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนตามตลาดสดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายต่อการจัดการในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น ร้านค้าที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ก็จะดำเนินการหรือเปรียบเทียบปรับทันที

ส่วนโครงการรถธงฟ้าเคลื่อนที่ หรือรถโมบายยูนิต ที่ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. และกระจายการจำหน่ายสินค้าไปตามพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชนนั้น ได้รับการตอบรับดีจากประชาชน ซึ่งจากรายงานผลเบื้องต้น 2 วันแรกของการจำหน่าย มียอดจำหน่ายแล้วกว่า 5.2 ล้านบาท ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนได้ประมาณ 30% หรือราว 2.5 ล้านบาท ส่วนจะยืดระยะเวลาการจำหน่าย หรือขยายพื้นที่ออกไปหรือไม่ ต้องพิจารณาความเหมาะสม และจะต้องไม่กระทบต่อกลไกตลาด

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า ยังได้เสนอที่ประชุมคณะการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อหามาตรการบรรเทาผลกระทบจากผลผลิตหอมหัวใหญ่ล้นตลาด เพราะมีการนำเข้าจากประเทศจีนถึง 76,000 ตัน ผลผลิตในประเทศอยู่ที่ 40,000 ตัน ขณะที่ความต้องการใช้มีเพียง 90,000 ตัน ดังนั้น จึงเสนอที่ประชุมให้หามาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการ นำผลผลิตมาเก็บฝากไว้กับห้องเย็นของรัฐประมาณ 5,000 ตัน ในเวลาไม่เกิน 3 เดือน เพราะช่วงนี้ผลผลิตออกจำนวนมาก คาดว่าวิธีดังกล่าวน่าจะลดปริมาณผลผลิตที่ล้นได้

ที่มา: thairath.co.th

0 comments:

Post a Comment

Popular Posts

Powered by Blogger.