เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า ด่วน!! หลวงปู่พุทธะอิสระ ลั่นกลองเปิดศาลชำระอลัชชีแล้ว!!กรณีมีผู้ไปแจ้งความหลวงปู่พุทธะอิสระหมิ่นประมาทและกล่าวหาเท็จนั้น หลวงปู่ได้โพสต์ขัอความว่า ได้ฟ้องคดีต่อศาลอาญาและศาลแพ่งแล้ว ดังนั้นกรณีการกล่าวหา 'กรรมการมหาเถรสมาคมบางรูป' ว่าผิดกฎหมายหรืออาบัติปาราชิก ซึ่งเป็นต้นเรื่องของการกล่าวหาฟัองร้อง จึงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ลูกน้องโง่ๆ ทำนักการเมืองตกเก้าอี้มาแล้ว คราวนี้จะได้เห็นลูกน้องโง่ๆ ทำกรรมการมหาเถรสมาคมบางคนต้องตกเก้าอี้ ถูกสึกและติดคุก กระบวนการกวาดล้างอลัชชีเดียรถีร์โดยกระบวนการยุติธรรมคงเริ่มแล้ว คงไม่มีใครมาสวดมนต์กดดันให้ศาลหยุดพิจารณาคดีหรือยกฟ้อง
สำหรับกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อหลวงปู่พุทธะอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เดินทางไปฟ้องร้องต่อศาลอาญาและศาลแพ่ง กล่าวโทษต่อองครักษ์พิทักษ์ธรรมกาย ธัมมชโย และมหาเถรสมาคม นั่นก็คือ มหาโชว์ ทัสสนีโย และนายเสถียร วิพรมหา ในข้อหาแจ้งความเท็จ ดูหมิ่นใส่ร้าย โดยศาลอาญาประทับรับเรื่องเอาไว้และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 29 มิ.ย.58 และศาลแพ่งลงมติรับฟ้อง หลังมีการร้องขอให้ไต่สวนฉุกเฉินและอนาถา ซึ่งศาลแพ่งใช้เวลาไต่สวนมูลฟ้องฉุกเฉิน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
"ต้องขอขอบใจมหาโชว์ และคุณเสถียร วิพรมหา ที่ช่วยกรุณาเร่งปฏิกิริยา ในการเดินเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาลได้เร็วขึ้น วันนี้ถ้าไม่ได้มหาโชว์และคุณเสถียร ฉันก็คงต้องเหนื่อยอีกนาน เพราะการที่จะทำให้ความผิดพลาดของกรรมการมหาเถรสมาคมปรากฏต่อศาลนั้น ต้องมีการเผชิญสืบ เพื่อให้ศาลได้รับทราบถึงต้นสายปลายเหตุ ในการที่ฉันออกมาเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ ล้วนมาจากความบกพร่องที่มหาเถรสมาคมออกมาปกป้องคนเป็นปาราชิก และจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปกครองคณะสงฆ์ที่ขัดต่อหลักธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง ซ้ำยังขอพระราชทานสมณศักดิ์ให้อีกต่างหาก งานนี้ฉันเลยร่ายยาวเอาตั้งแต่พระลิขิตพระสังฆราช มติมหาเถร คำสั่งอัยการ การคืนทรัพย์ของธัมมชโย การรับสินบนของกรรมการมหาเถรบางรูป จนกระทั่งถึงตัวจำเลยทั้งสองที่แจ้งความเท็จและดูหมิ่นใส่ร้าย เตรียมตัวไปหาวิธีแก้ปมที่ฉันผูกเอาไว้ให้ได้ก็แล้วกัน หากแก้ไม่ได้ ขอแนะนำให้ไปหา เงินมาเตรียมจ่าย 120 ล้านบาทด้วย"หลวงปู่พุทธอิสระระบุ
ที่มา: www.dailynews.co.th
0 comments:
Post a Comment